วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

เเมวน้ำลายพิณ

เเมวน้ำลายพิณ

ความเป็นมา
แมวน้ำลายพิณ หรือ แมวน้ำหลังอาน (อังกฤษHarp seal, Saddleback sealชื่อวิทยาศาสตร์: Pagophilus groenlandicus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จำพวกสัตว์กินเนื้อ จัดเป็นแมวน้ำชนิดหนึ่ง ที่เป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Pagophilus[1]
แมวน้ำลายพิณ มีลักษณะเด่น คิอ บริเวณหลังมีลายด่างดำคล้ายรูปพิณฝรั่ง หรือฮาร์ป อันเป็นที่มาของชื่อสามัญ พบกระจายพันธุ์อยู่บริเวณแถบขั้วโลกเหนือหรืออาร์กติก นับเป็นแมวน้ำที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับสองของโลก รองจากแมวน้ำกินปู (Lobodon carcinophagus) ที่พบในแถบแอนตาร์กติกา ในปี ค.ศ. 2004 คาดว่ามีจำนวนประชากรแมวน้ำลายพิณในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกราว 5.2 ล้านตัว นับว่าสูงกว่าในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ถึงสามเท่า และในปี ค.ศ. 1999 มีการสำรวขประชากรูกแมวน้ำลายพิณ พบว่ามีลูกแมวน้ำที่เกิดใหม่ถึงเกือบหนึ่งล้านตัว
แมวน้ำลายพิณ มีอายุยืนได้ถึง 30 ปี และเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 4-8 ปี ขนาดเมื่อโตเต็มที่อาจหนักได้ถึง 127 กิโลกรัม สามารถว่ายน้ำและดำน้ำได้นานกว่า 15 นาที โดยไม่โผล่ขึ้นมาหายใจ และดำน้ำได้ลึกถึง 275 เมตร เพื่ออาหารจำพวกปู หรือปลา กินเป็นอาหาร คาดว่าแมวน้ำลายพิณขนาดโตเต็มที่จะกินอาหารปีหนึ่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งตัน โดยปริมาณอาหารประเภทปลาและแพลงก์ตอนสัตว์ราว 4 ล้านตัน เป็นของแมวน้ำลายพิณกว่าร้อยละ 80 ทำให้ได้ฉายาจากชาวประมงพื้นเมืองในอ่าวเซนต์ลอว์เรนต์ รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา ซึ่งใช้ภาษาฝรั่งเศสว่า "Loup-marin de glace" (หมาป่าแห่งดินแดนน้ำแข็ง)
ลูกแมวน้ำลายพิณ มีฉายาเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า "Blanchon" (เจ้าตัวขาว) จะมีขนฟูสีขาวสะอาด แม้จะสามารถว่ายน้ำได้เลยตั้งแต่เกิด แต่ก็ต้องการความอบอุ่นจากชั้นไขมันเป็นฉนวนกั้นความหนาวเย็น ดังนั้น เมื่อคลอดออกมาจากท้องแม่ ลูกแมวน้ำลายพิณจะสะสมไขมันจากนมแม่ ซึ่งเป็นน้ำนมที่ข้นมันที่สุดชนิดหนึ่งในธรรมชาติ (คาดว่าลูกแมวน้ำมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นราว 450 กรัมทุก ๆ ห้าชั่วโมง ขณะที่แม่แมวน้ำก็จะมีน้ำหนักตัวลดลงเท่ากันทุกสามชั่วโมง และแม่แมวน้ำจะผลิตน้ำนมที่มีไขมันสูงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งสูงกว่าน้ำนมวัวเสียอีก) น้ำหนักตัวของลูกแมวน้ำลายพิณจะเพิ่มขึ้นวันละสองกิโลกรัม เมื่ออายุได้ 10-12 วัน หรืออายุสองสัปดาห์ จะหย่านม ซึ่งถึงขณะนั้นลูกแมวน้ำอาจมีน้ำหนักได้ถึง 30 กิโลกรัม และลูกแมวน้ำจะผลัดขนเผยให้เห็นเป็นขนอ่อนสีเทา (ในระยะนี้ ลูกแมวน้ำถูกเรียกว่า "บีตเตอร์") และหลังจากนั้นอีก 2-3 สัปดาห์ ถึงจะมีสภาพขนเหมือนแมวน้ำตัวเต็มวัย ลูกแมวน้ำขนาดเล็กจะยังไม่มีชั้นไขมันที่หนาพอที่จะป้องกันความหนาวเย็นได้ หากตกลงไปในน้ำแม่แมวน้ำจะรีบดันลูกให้ขึ้นมาบนพื้นน้ำแข็งทันที
แมวน้ำลายพิณ เป็นสัตว์ที่มนุษย์ใช้ล่าเพื่อนำขนมาใช้ประโยชน์ทำเป็นเสื้อขนสัตว์มาแต่อดีต เนื้อและไขมันใช้ในการบริโภคเพื่อป้องกันความหนาวเย็น โดยในทศวรรษ 1850 แม่น้ำลายพิณซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกแมวน้ำถูกล่าในแต่ละฤดูกาลถึงปีละ 500,000 ตัว และการล่าเพื่อเอาขนได้รับความนิยมในช่วงปลายทศวรรษ 1940 ทำให้ปริมาณแมวน้ำลายพิณในแถบนิวฟันด์แลนด์และอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เหลือไม่ถึง 2,000,000 ตัวในปี ค.ศ. 1972 ซึ่งชาวประมงบางรายกล่าวว่าที่ต้องฆ่าแมวน้ำลายพิณ เพราะถูกแย่งปลาที่จับได้ ในปี ค.ศ. 1987 รัฐบาลแคนาดาได้ออกกฎหมายห้ามล่าลูกแมวน้ำที่มีขนสีขาวเพื่อการพาณิชย์ ทำให้ราคาของหนังลูกแมวน้ำที่ผลัดขนแล้วตกราคาผืนละไม่ต่ำกว่า 40 ดอลล่าร์แคนาดา (ราว 1,100 บาท)
ปัจจุบัน แมวน้ำลายพิณยังถูกล่าอยู่เพื่อการพาณิชย์ภายใต้กรอบของกฎหมายและโควต้าที่มีจำกัด[2]

หมีขั้วโลก

หมีขั้วโลก
polar-bear22


ลักษณะ : หมีขั้วโลก หรือ หมีขาวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบนบกกินเนื้อ ที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง ตัวผู้เต็มวัยอาจสูงได้ถึง 3 เมตร น้ำหนักตัวมากถึง 350–680 กิโลกรัม (770–1,500 ปอนด์) อายุขัยโดยเฉลี่ย 30 ปี พวกมันมีคอที่ยาวกว่าหมีชนิดอื่น ใบหูเล็ก อุ้งเท้าใหญ่ และที่เด่นที่สุด คือ ขนที่เป็นสีขาวครีมอมเหลืองอ่อน อันเป็นที่มาของชื่อ หมีขาว ซึ่งขนสีครีมทำให้พรางตัวในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งได้เป็นอย่างดี

ถิ่นอาศัย : หมีขั้วโลกพบเฉพาะซีกโลกทางเหนือ บริเวณขั้วโลกเหนือหรืออาร์กติกเท่านั้น 
อุปนิสัย : หมีขั้วโลกชอบอยู่ตามลำพัง พวกมันเป็นสัตว์ที่เดินทางไกลมาก โดยบางครั้งอาจจะใช้วิธีการนั่งบนแผ่นหรือก้อนน้ำแข็งลอยตามน้ำไป หรือไม่ก็ว่ายน้ำหรือดำน้ำไป หมีขั้วโลกว่ายน้ำและดำน้ำเก่งมาก โดยใช้ขาหน้าพุ้ย หรือบางครั้งก็ใช้ทั้ง 4 ขา เคยมีผู้พบหมีขั้วโลกว่ายอยู่ในทะเลที่ห่างจากชายฝั่งไกลถึง 200 ไมล์
หมีขั้วโลกกินอาหารมากกว่าหมีชนิดอื่น ๆ ซึ่งอาหารหลักของมันได้แก่ แมวน้ำโดยพวกมันจะล่าด้วยการย่องเข้าไปเงียบๆ หรือหลบซ่อนตัวตามก้อนหินหรือก้อนน้ำแข็ง นอกจากนี้แล้วยังล่าวอลรัส วาฬขนาดเล็ก รวมทั้งยังอาจจับนกทะเล ทั้งไข่และลูกนก บางครั้งก็จับปลากิน หรืออาจจะกินซากของวาฬที่ตายเกยตื้น หรือแม้แต่ซากหมีขั้วโลกด้วยกัน มันมีประสาทรับกลิ่นที่ดีมาก โดยสามารถได้กลิ่นลูกแมวน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นน้ำแข็งได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร
การสืบพันธุ์ : หมีขั้วโลกให้กำเนิดลูกในฤดูหนาว โดยการขุดโพรงในน้ำแข็งหรือใต้ก้อนหิน แม่หมีจะออกลูกได้ราว 2 ตัว ในบางครั้งอาจมากถึง 4 ตัว ลูกหมีเกิดใหม่ตาจะยังไม่ลืม มีความยาวราว 20 นิ้วและหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม ไม่มีขนปกคลุมตามลำตัว และจะลืมตาได้เมื่ออายุราว 33  ลูกหมีจะอยู่กับแม่จนอายุได้ขวบกว่าหรือสองขวบ จากนั้นจะจากแม่ไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
สถานภาพ : หมีขั้วโลก ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศรัสเซีย ภาวะโลกร้อนคุกคามพวกมันจนลดจำนวนลง โดยประมาณการว่า เหลือหมีขั้วโลกในธรรมชาติราวสี่ถึงห้าพันตัวเท่านั้น

หมีเเพนด้า

หมีเเพนด้า
10


ความเป็นมาหมีแพนด้าในสวนสัตว์เชียงใหม่     

 โครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2546 โดยเริ่มมาจาก ในปี พ.ศ. 2544 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ (รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) ได้เดินทางไปราชการที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้เจรจาขอหมีแพนด้าจากประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งสัมพันธ์ ไมตรีระหว่างประเทศ
     ต่อมาเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย แจ้งว่า รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนยินดีมอบหมีแพนด้า 1 คู่ให้ประเทศไทย และวันที่ 22 ตุลาคม 2544 รัฐบาลไทย โดยคณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบ และมอบหมายให้ องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประสานงานเพื่อเตรียมความพร้อมต่าง ๆ ซึ่งต่อมามีการประชุมและดำเนินการ ภายใต้โครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2545 จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นจำนวน 39,818,313 บาท เป็นค่าก่อสร้างส่วนวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้า และมอบหมายให้กองพลทหารช่าง ค่ายภาณุรังสี จังหวัดราชบุรี เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างในระยะเวลา 210 วัน
 
 

องค์การสวนสัตว์เตรียมจัดงานวันเกิด และนับถอยหลังหลินปิงอำลาประเทศไทย

      ขณะนี้ก็เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งปีเศษก็จะครบกำหนดที่จะต้องส่งคืนแพนด้าน้อยหลินปิงให้แก่ประเทศจีน เมื่อแพนด้าน้อยหลินปิงมีอายุครบ ๔ ปีในปีหน้า ซึ่งก็คือวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖  องค์การสวนสัตว์ จึงเห็นสมควรที่จะจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการระลึกถึงความสำเร็จของประเทศไทยที่สามารถเลี้ยงดูหมีแพนด้าและเพาะขยายพันธุ์จนกำเนิดเป็นแพนด้าน้อยหลินปิง ที่เป็นที่รักและเป็นขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศมาโดยตลอด โดยมีแนวคิดที่จะเชิญชวนทุกๆภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อแสดงถึงความร่วมแรงร่วมใจ และเป็นการให้เกียรติแก่ประเทศจีนที่เป็นเจ้าของหมีแพนด้า ตลอดจนให้เหล่าบรรดาแฟนคลับของหลินปิงได้มีโอกาสแสดงความรักและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆจนกว่าจะถึงวันที่หลินปิงต้องเดินทางไปประเทศจีน และยังจะเป็นการกระตุ้นกระแสการท่องเที่ยวให้คึกคักมากยิ่งขึ้น โดยองค์การสวนสัตว์ จะเริ่มต้นด้วยการจัดกิจกรรมฉลองวันเกิดอายุ ๓ ปี ให้แก่แพนด้าน้อยหลินปิงในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และหลังจากนั้นก็จะจัดกิจกรรมนับถอยหลังแพนด้าน้อยหลินปิงอำลาประเทศไทยตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป โดยจะจัดกิจกรรมที่หลากหลายต่อเนื่องไปในแต่ละเดือน โดยจะจัดทำเป็นปฏิทินกิจกรรมประจำเดือน ว่าในแต่ละเดือนจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง ซึ่งจะมีทั้งกิจกรรมใหญ่กิจกรรมเล็ก กิจกรรมที่ใช้ระยะเวลาสั้นและยาว ตามความเหมาะสมในแต่ละเดือน จึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยจะขอให้จังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และชาวจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ เชิญชวนทุกๆภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา อาทิ ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บริษัท ห้างร้าน โรงแรม ภัตตาคาร โรงเรียน สมาคม ชมรม ต่างๆทั้งภายในจังหวัดเชียงใหม่ และทั่วประเทศ
   

ช้าง

ช้างคู่บ้านคู่เมือง


ช้างไทยในสงครามประวัติศาสตร์
            
 ในสมัยโบราณมีการใช้ช้างในการทำสงคราม ซึ่งถือว่าช้างนั้นเป็นกำลังสำคัญในการสู้ศึกเพื่อเอกราชของไทยเลยก็ว่าได้ การใช้ช้างในการทำสงครามนั้นได้มีการกล่าววิธีการต่อสู้เอาไว้ว่าพระเจ้าแผ่นดินหรือแม่ทัพก็จะใช้อาวุธของ้าวต่อสู้กันบนหลังช้าง ส่วนช้างที่ใช้ต่อสู้นั้นก็จะต่อสู้กับช้างของศัตรูช้างผู้ใดที่มีกำลังมากและสามารถสู้งัดช้างของศัตรู ก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะจะทำให้แม่ทัพนั้นสามารถใช้ของ้าวฟันคู่ต่อสู้ได้อย่างสะดวกและได้ชัยชนะ ซึ่งการรับชัยชนะนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของช้างและแม่ทัพด้วย ช้างศึกในสมัยโบราณนั้นมีมากมายหลายรัชสมัยโดยเริ่มจากสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อครั้งสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถในสมัยนี้พระองค์ได้รับช้างเผือกมาตัวหนึ่งซึ่งถือเป็นช้างเผือกแรกของกรุงศรีอยุธยา เลยก็ว่าได้จนพระองค์ได้รับพระราชสมัญญาอีกพระนามหนึ่งว่า พระเจ้าช้างเผือกและในสมัยพระมหาจักรพรรดิทรงใช้ช้างต่อสู้กับกองทัพของพม่าและได้เกิดตำนานพระศรีสุริโยทัยขึ้น นอกจากนี้ยังมีการรบบนหลังช้างที่สำคัญกับคนไทยมากที่สุดซึ่งถือเป็นการกู้เอกราชให้กับประเทศไทยเลยก็ว่าได้นั่นคือในสมัยสมเด็จ พระนเรศวรมหาราชซึ่งเป็นการรบระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดีโดยช้างที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงใช้ในการทำศึกครั้งนี้คือเจ้าพระยาไชยานุภาพและเมื่อได้รับชัยชนะก็ได้สมญานามว่า เจ้าพระยาปราบหงสา ส่วนช้างที่พระสมเด็จพระเอกาทศรถผู้น้องทรงช้างนามว่า เจ้าพระยาปราบไตรจักร และต่อมาในสมัยกรุงธนบุรีเมื่อครั้งที่ประชาชนเกิดความแตกแยกข้าศึกเข้าโจมตี พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นกำลังรวบรวมชาติไทยให้เป็นปึกแผ่นโดยทรงใช้ช้างในการรบด้วยเช่นกัน

เเมวเปอร์เซีย

เเมวเปอร์เซีย
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แมวเปอร์เซีย


ประวัติความเป็นมา
  แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีความนิยมเลี้ยงมากที่สุดในโลกในขณะนี้เนื่องจากเป็นแมวที่มีลักษณะที่โดเด่นใบหน้าที่กลม  ปากสั้นเป็น  มีลักษณะที่สง่างามมีความอ่อนโยน  แล้วยังมีความโดดเด่นของขนที่ยาวนุ่ม  มีสองชั้น  ต้องมีการแปรงขนประจำทุกวัน  และการอาบน้ำให้มีควงามสะอาดกับตัวเขา  แมวที่เริ่มนิยมตั้งแต่ปี  1980  เป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดแถวเปอร์เซียในปัจจุบันคืออิหร่าน  เริ่มด้วยการเลี้ยงที่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสที่นิยมเลี้ยง
                สีของเขานั้นมีหลากหลายสีเป็นสายพันธุ์ที่สีแต่ละนี้นั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป  สีตากที่มากมาย  เข้ามีนิสัยค่อนข้างสงบ  ไม่ค่อยมีอารมณ์เปลี่ยนแปลง  ปราดเปรียว  ไม่ค่อยร้อง  ไม่ขี้อาย  เป็นมิตรกับทุกคน  มีคอที่สั้นและขนยาวบริเวณคอ  
                แมวเปอร์เป็นแมวที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมากและมีอายุการดำรงชีวิตหากมีสุขภาพที่ดีอาจจะอยู่ได้ถึง 20 ปี  แมวเปอร์เซียมีสายพันธุ์ที่ถูกผสมกันมากจึงมีความแตกต่างกันมากในแต่ละลักษณะแต่ละสี   และยังมีแมวชนิดอื่นๆที่มีต้นกำเนิดจากแมวเปอร์เซีย  สามารถออกมาเป็นแมวสายพันธือื่นๆ  แต่ยังมีลักษระที่คล้ายๆกันอยู่นั้นเอง  เพราะฉะนั้นที่เราเห็นจึงเป็นส่วนขึ้นเท่านั้น  สามารถที่จะเลี้ยงเข้าไว้ในคอนโดหรือว่าอาพาสเม้นต์ได้   เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะว่าบางโรคมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
                แมวเปอร์เซียนั้น  มีการเลี้ยงอยู่ในประเทศไทยมากเช่นกัน  และเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมากมายและมีการจำหน่ายที่ราคาถูกลงในปัจจุบัน  เราสามารถที่จะซื้อมาเลี้ยงได้